ขณะเดียวกันรัฐบาล “เศรษฐา1” ก็พุ่งเป้าที่จะทะลายปัญหาอุปสรรคสารพัด เพื่อสนับสนุนให้การเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยนั้นง่าย สะดวก คล่องตัว ให้มากที่สุดเพื่อหวังกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เติบโต ด้วยการออกมาตรการวีซ่า–ฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่ 25 ก.ย. 66 – 29 ก.พ. 67 เพื่อแก้ปัญหาคอขวดชั่วคราวให้ทันฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน โดยคาดหวังให้นักท่องเที่ยวหลักอย่าง “จีน” เดินทางมาเที่ยวไทยโดยใช้ช่วง “โกลเด้น วีค” ที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 เป็นตัวจุดประกายให้คนจีนออกเดินทางมาเที่ยวไทย
ออกมาตรการเชิงรุก
นอกจากนี้ยังกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ “เชิงรุก” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ว่า เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยแล้วปลอดภัยแน่นอน รวมไปถึงการทำตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพในตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อให้เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ด้วยความคาดหมายความคาดหวังที่จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเป็นตัว “ชูโรง” ในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แม้จะไม่มีสัดส่วนเท่ากับการส่งออก ที่อยู่ในอาการ “เดี้ยง” ก็ตาม
กราดยิง!พายุร้าย
สุดท้าย!! เหตุการณ์ “กราดยิง” ของเด็กวัย 14 ปี เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ก็กลายเป็น “พายุ” ที่สาดใส่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง แม้ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในไทย หรือ…เป็นเหตุการณ์แรกที่ช็อกโลกก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ได้ “กระตุก”ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน แถมยังถูกถล่มซ้ำด้วยความเห็นในเชิงลบบนโลกออนไลน์บนแพลตฟอร์ม X จากนักท่องเที่ยวที่ไทยหวังจะให้เป็นตลาดหลัก แถมยังเป็นเหตุการณ์ที่ติดเทรนด์อันดับ 5 ของเว็บไซต์‘เว่ยป๋อ’ ของจีนทันทีของคืนวันเกิดเหตุ
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย มีอันติดลบไปโดยปริยาย!!
ว้าวุ่นกู้สถานการณ์
งานนี้… ทำเอารัฐบาลถึงกับว้าวุ่นหนัก! เพราะไม่ใช่เพียงเรื่องความมั่นคงภายในเท่านั้น แต่!! กลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นโจทย์หินท้าทายรัฐบาลป้ายแดง แต่แม้การ “เทคแอคชั่น” จะเกิดขึ้นทันที ทั้งการเข้าระงับเหตุ หรือแม้แต่ตัวของนายกฯเศรษฐา ที่ต่อสายถึงเอกอัครราชทูตจีน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับให้ความมั่นใจว่า… รัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งในเรื่องของการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิต การดูแลผู้ที่ได้รับลูกหลง
รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ Situation Comman Center หรือศูนย์บัญชาการสถานการณ์ขึ้น ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อคอยสื่อสารกับสถานทูตต่าง ๆ ในไทย ทั้งหมดให้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรงที่สุด และประสานงานการดูแลครอบครัวผู้ประสบเหตุที่อยู่ในต่างประเทศทั้งหมด
เดินหน้าเรียกเชื่อมั่น
ไม่เพียงเท่านี้!! การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังเดินหน้าเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสื่อสารให้โลกรู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ไม่อยากโทษใคร สิ่งที่ต้องทำ คือ เร่งยกระดับความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับไปดูแลแล้ว ขณะเดียวกันได้มีแผนฟื้นฟูเพื่อสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ แยกออกเป็น 3 ระดับ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยจะมีการหารือ มาตรการต่าง ๆ ผ่านศูนย์บัญชาการสถานการณ์ขึ้น โดยจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อรองรับเหตุการณ์นี้
แผนระยะสั้น ซึ่งเป็นการรับมือเฉพาะหน้าเนื่องจากมีการเผยแพร่ข่าวเหตุการณ์อย่างรวดเร็วในหลากหลายทิศทาง หน่วยงานรัฐจึงต้องสื่อสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แสดงความรับผิดชอบ และจริงใจ โดยมีประเด็นสำคัญในการสื่อสาร และตระหนักถึงความกังวลของทั้งชาวไทยและ ต่างชาติ ที่ได้ร่วมมือกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือมาตรการแก้ไขและเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเต็มกำลังที่สุด รวมถึงการประสานกับเอกอัครราชทูตทั้งจีนและเมียนมา ให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวผู้ประสบเหตุอย่างเต็มความสามารถ
ส่วนแผนระยะกลาง หรือระยะเยียวยา ได้เน้นการสื่อสารข้อเท็จจริง และส่งเสริมภาพลักษณ์ด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเร่งประสานดูแล เยียวยา และอำนวยความสะดวกแก่ญาติของ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในการเดินทางมาเยี่ยมเยียนและรับกลับด้วยความเรียบร้อย พร้อมประสานมาตรการเยียวยาฟื้นฟู ดูแลผู้เสียหายอย่างเหมาะสม ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ อย่างเต็มความสามารถ
ผุดไทยแลนด์ไอเลิฟยู
สุดท้ายคือ…แผนระยะยาว หรือการฟื้นฟู ที่เน้นการสื่อสารภาพลักษณ์ที่การเปลี่ยนแปลง และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในแนวคิดโครงการ Thailand I love you ผ่านกิจกรรมประชาสัมพันธ์มากขึ้น รวมถึงการจัดแถลงข่าว โดยผู้บริหารระดับสูงของ กระทรวง และททท. อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้านททท. เอง ได้วางแผนปรับการสื่อสารไปยังทั่วโลกเพื่อให้รับรู้ว่า…เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และจะมีแคมเปญสื่อสารไปในโลกออนไลน์ ภายใต้ข้อความ Thais always care หรือคนไทยใส่ใจเสมอ เพื่อต้องการบอกว่าคนไทยแคร์เรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงความรู้สึกของทุกคน ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับทุกคน และไม่ใช่แค่กับนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้น แต่รวมถึงชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย หรือแม้แต่ประชาชนคนไทยก็ตาม
หวังท่องเที่ยวฟื้น80%
การท่องเที่ยวไทยที่กำลังสดใส รัฐบาลกำลังพยายามเดินเครื่องเต็มแรงสูบเพื่อหวังฟื้นรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 กลับมา 80% ของปี 62 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นจุดพีคของภาคท่องเที่ยวไทย โดยในปีนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา จำนวน 39.92 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประเทศ 1.91 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยว 5 ชาติแรกที่สร้างรายได้สูงสุด คือ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี และ สปป.ลาว
แม้ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวไทยจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวและรอความชัดเจนหลายเรื่อง โดยเฉพาะความชัดเจนจากช่วงรอยต่อทางการเมือง หลายปัญหาต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ โดยเฉพาะ “การกู้ภาพลักษณ์” เพื่อเรียกความเชื่อมั่น จากนักท่องเที่ยวจีน ทั้งด้านความปลอดภัย จากที่มีกระแสข่าวนักท่องเที่ยวจีนโดนทำร้าย จี้รีดทรัพย์ และถูกแชร์ในโซเชียลมีเดียเป็นวงกว้าง เพราะจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ที่ทำรายได้เข้าไทย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้!! ถือเป็นความท้าทายต่อภาคการท่องเที่ยวไทย และเป็นการพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลว่าจะเดินหน้าเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้อย่างไร? แค่ไหน? เพราะเป้าหมายของรัฐบาล ต้องการผลักดันให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ถึง 3 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปี
ทั้งหมดคำพูดจาก เว็บตรง!! ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าวิบากกรรมของการท่องเที่ยวไทยจะหลุดพ้นไปได้มากน้อยเพียงใด?
กระทบระยะสั้นเท่านั้น
“ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ผ่านไป 1-2 วัน เชื่อได้ว่าเดี๋ยวคนก็ลืมเหตุการณ์นี้ เหมือน ๆ กับหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่ใช่ทำเป็นแก๊งหรือเป็นกระบวนการ ที่สำคัญผู้ก่อเหตุยังเป็นเด็ก เป็นเยาวชนวัย 14 ปี ขณะที่ทางสถานเอกอัครราชทูตจีนก็ได้ทำการเผยแพร่ประกาศไปแล้วว่า ประเทศไทยปลอดภัย สะท้อนให้เห็นว่า… เอกอัครราชฑูตจีนวิเคราะห์ดีแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่จงใจให้เกิดความร้ายแรง การที่สถานทูตฯ มีการสื่อสารออกไปว่าไทยปลอดภัยแสดงว่ามีความมั่นใจแล้ว และสื่อสารบอกประชาชนของเค้าให้มาไทยเพราะไม่มีเหตุการณ์ที่อันตรายแล้ว ส่วนหนึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อการรับมือของรัฐบาลไทยที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวมเร็ว ใช้เวลาระงับเหตุไม่นาน
กรณีที่หลังเกิดเหตุคนจีนถูกจีนมีการพูดคุยกันในวงกว้างในสื่อโซเชียลมีเดียของจีน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีการพูดถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นแต่เชื้อว่าเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กระทบกับเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนที่วางไว้ และเป้านักท่องเที่ยวภาพรวมที่วางไว้ 25 ล้านคน แน่นอน หรือเฉลี่ย 2 ล้านคนต่อเดือนในช่วง 3 เดือนที่เหลือ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน เป็นช่วงหยุดยาววันชาติจีน และมาตรการวีซ่าฟรี ซึ่ง่ยังเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยว
หวั่นหลุดเป้า 30 ล้านคน
“ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ” ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) มองว่า ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยสูงมาก เพราะหากเป็นช่วงก่อนหน้านี้ ผลกระทบอาจไม่สูงมากนัก เนื่องจากกระแสข่าวยังไม่รวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน แต่ตอนนี้โลกออนไลน์ส่งผลให้เรื่องที่เกิดขึ้นกระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีมากอย่างแน่นอน เพราะความเชื่อมั่นหายไปหมด แทบไม่เหลือเลย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวด้วย โดยเหตุการณ์นี้อาจทำให้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 25-30 ล้านคน ยากกว่าเดิม จากที่ยากอยู่แล้ว เพราะเหลือเพียง 3 เดือนเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 20 ล้านคน
ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยว ขณะนี้อาจยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น คงต้องรอในช่วง 1-2 สัปดาห์ถัดจากนี้ เพราะคนที่จองเข้ามาแล้วก็คงเดินทางอยู่ แต่ผลจะเกิดขึ้นกับคนที่ยังไม่ตัดสินใจหรือลังเลอยู่มากกว่า ในส่วนของผู้ประกอบการคงต้องเตรียมรับมือในธุรกิจที่ไม่ได้กลับมาตามคาดหวังไว้ เพราะผลจากเหตุการณ์นี้ไม่ได้มองผลกระทบเฉพาะในจีนเท่านั้น แต่มองนักท่องเที่ยวในภาพรวมที่อาจหายไป เพราะเชื่อว่าคงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวกับเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยอยู่จำนวนมาก และคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่หายไปก่อนเสมอ
กระทบความรู้สึกคนจีน
“อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์” เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกราดยิง ได้สอบถามไปยังผู้ประกอบการทัวร์ฝั่งจีน แต่เนื่องจากช่วงวันที่เกิดเหตุตรงกับวันชาติจีนหรือโกลเด้นวีคหยุดยาว (1 ต.ค.) พอดี จึงยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนในเชิงพาณิชย์นัก ต้องรอประเมินอีกทีในสัปดาห์หน้าว่าตลาด นักท่องเที่ยวจีน มีการยกเลิกหรือชะลอการเดินทางหรือไม่ ในด้านความรู้สึกจีนพบว่าได้รับผลกระทบชัดมาก แม้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ แต่ก็เป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยยังมีข้อบกพร่อง เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นจุดที่คนจีนซีเรียสมาก มองว่าการมีคนมาถือปืนในห้างนั้นเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังเป็นเด็กอายุ 14 ปี ชาวจีนคิดไม่ถึงว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งยังพูดถึงประเด็นช่องโหว่ของกฎหมายไทย ประกอบกับผู้เสียชีวิตชาวจีนเป็นคุณแม่ลูกแฝด นับเป็นข่าวที่ขยี้อารมณ์ชาวจีนเข้าไปอีก
ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวต่อเนื่องจากประเด็นปัญหาภาพลักษณ์ของภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีข่าวลือเชิงลบแพร่หลายทั่วโซเชียลมีเดียของจีนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนว่าในประเทศไทยมีการลักพาตัวชาวจีนไปเรียกค่าไถ่ ตัดขายอวัยวะ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบกับภาพยนตร์จีน 2 เรื่องดัง ได้แก่ Lost in The Star และ No More Bets ท้องเรื่องพูดถึงคดีอาชญากรรมในภูมิภาคอาเซียน อาจส่งผลต่อทัศนคติชาวจีนในการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย
นักท่องเที่ยวจีนวูบคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ย้ำว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 มีนักท่องเที่ยจีนที่เดินทางเข้าไทย 13,453 คน แต่หลังเกิดเหตุเพียงวันเดียวทำให้เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 66 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยลดลงมาอยู่ที่ 11,000 คน จากที่สถานการณ์ท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้งหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องด้วยมาตรการวีซ่าฟรี ที่จะเป็นแรงหนุนให้คนท่องเที่ยวสามารถกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง แต่กลับมาเจอเหตุการณ์นี้ แต่เชื่อมั่นในตัวรัฐบาล สิ่งสำคัญก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนนี้ คือรัฐบาลต้องเร่งเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติที่ก่อนเดินทางไป ต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยให้เห็นชัดเจน รวมุถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประเทศไทย
ส่วนช่วง 9 เดือนของปี 66 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.–30 ก.ย. มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทนแล้ว 2.5 ล้านคน และคาดว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายที่เหลือของปี จะมีจีนเข้ามาเพิ่มอีก 700,000–800,000 คนต่อเดือนหรือคิด 2 ล้านคน ทำให้ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ ททท. วางเอาไว้ชที่ 5 ล้านคน ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนที่เหลือจีนจะทะลักเข้ามามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะยังติดปัญหาคอขวดเรื่องของเที่ยวบินที่ยังน้อยอยู่ ซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหานี้ด้วย.
ทีมเศรษฐกิจ